สองปีหลังจากเริ่มเคลื่อนไหวปฏิรูปสถาบันฯ

ครบเดือนสิงหาคมที่สอง เดือนที่ทนายอานนท์และกลุ่มธรรมศาสตร์ปราศรัยปฎิรูปสถาบันฯ เมื่อปี 2563 ไม่ได้เขียนความคิดมานาน สองปีผ่านไปได้บทเรียนอะไร? และเราคิดอะไรอยู่?

– คำถามที่ว่าทำไมในโลกนี้ถึงยังมีเผด็จการอยู่ พม่ากลับไปเป็นแบบเดิม ทหารเข่นฆ่าประชาชน รัสเซียบุกยูเครน และมีเรื่องอีกมากที่เรายังไม่รู้ ทำไมทหารตำรวจที่รับเงินเดือนจากประชาชนถึงยอมทำตามคำสั่งผู้นำเผด็จการที่เข่นฆ่าประชาชน? ถ้าทหารตำรวจรวมตัวกันได้เป็นสหภาพแรงงานของตนเองอาจจะทำให้เริ่มยึดมั่นในความยุติธรรมมากขึ้น

– เหตุการณ์ที่นักเคลื่อนไหวในพม่าถูกแขวนคอ มันสะเทือนใจเรามากๆ พม่านั้นอยู่ห่างจากเราแค่นิดเดียวเอง แต่ความเป็นอยู่ของประชาชนนั้นสิ้นหวังกว่ามาก และการที่ไทยเป็นเผด็จการอยู่ ได้กลายเป็น “ใบเบิกทาง” ให้พม่าทำแบบนั้นได้

– กลับมามองในไทย ถ้าลองดูโครงสร้างการปกครองแล้ว จะพบว่าการปฏิรูปรัฐราชการนั้นอาจจะสำคัญพอๆกับปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ให้คิดง่ายๆว่างบประมาณกษัตริย์นั้นมีประมาณ 1% (ซึ่งถือว่าเยอะมากเป็นอันดับต้นๆของโลกก็ว่าได้) แต่ที่เหลือ 99% คือระบบราชการทั้งหมดที่ไม่ได้รับการแก้ไข แต่ถูกปล่อยให้เป็นไปตามมีตามเกิด

– ถ้ามองการปฏิรูปแล้ว ต้องให้ความสำคัญกับทุกด้าน รณรงค์ปฏิรูปสถาบันหรือสถาบันอื่นๆให้เท่าๆกัน หน่วยงานอื่นเช่น ระบบยุติธรรม ทหาร การศึกษา ทุนผูกขาด ระบบราชการรวมศูนย์

– สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดที่ผ่านมาสองปี คือการที่สื่อมวลชนหิวข่าวที่มีกระแสเยอะ ตั้งแต่ลุงพลถึงชัชชาติ ไม่ได้มองว่ามันไม่ดี แต่ประเทศเราต้องการความจริงจังบ้างไม่มากก็น้อย เพื่อให้เราพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้ทันประเทศที่เจริญแล้ว การที่สื่อมวลชนให้ความสนใจแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องทุกวัน หรือตามแต่กระแสที่ขายได้ คือมันทำให้สังคมไม่มีความหลากหลายในทางความคิด

– หลายๆครั้งเราเห็นคนออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องที่สำคัญมาก หรือมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่สื่อไม่ได้สนใจ อันนี้คือความเจ็บปวดส่วนตัวของเรา ที่สื่อไม่ขายข่าวเหล่านี้เพราะสังคมไทยยังไม่ได้สนใจใยดีกับความเป็นไปทางสังคมเท่าไหร่ จะพูดว่า “สังคมไทย” ก็ไม่ได้ เพราะความเป็นจริง สังคมไทยที่ดูโอบอ้อมอารีย์ แต่เอาเข้าจริงๆมีความเห็นแก่ตัวสูงมากๆ

– ความเห็นแก่ตัวนี้อาจจะเพราะความเป็น “คนไทย” มันถูกหล่อหลอมมาอย่างผิดที่ผิดทาง ที่ต่างถูกปลูกฝังให้เคารพและเชื่อฟังผู้ใหญ่อย่างสำคัญ ถูกสอนให้ยึดค่านิยมให้สร้างภาพลักษณ์ตนเองสวยงาม ถูกปลูกฝังให้ยอมรับชะตากรรม ให้เชื่อเรื่องเวรกรรมและบุญวาสนา

– ทางออกของเรื่องทั้งหมดนี้น่าจะต้องช่วยกันสร้างสังคมไทยที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้นให้เชื่อในการพัฒนาตนเองมากขึ้น เชื่อในความเป็นมนุษย์ที่มีกระดูก มีเลือดเนื้อ มีสมอง ที่มีศักยภาพเท่ากัน

– ภาพประกอบนี้คือป้ายที่เราไปชูในวันที่ 16 สิงหาคม 2563 เป็นวันที่มีคนลงถนนมากที่สุดวันหนึ่งของการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ป้ายนี้จะสื่อว่าการเดินหน้าของการเมืองไทย มันต้องเริ่มที่ความเข้าใจความเป็นคนเท่ากันก่อน และยอมรับความผิดพลาดในอดีต สื่อว่าความคิดของผู้คนนั้นเปลี่ยนได้ สักวันหนึ่งเมื่อความคิดของคนส่วนใหญ่เปลี่ยน เผด็จการก็อยู่ไม่ได้ในระยะยาว สุดท้ายมันจะพัฒนาไปในที่ทางของวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปเอง

#ยกเลิก112 #ปลดล็อคท้องถิ่น #ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์