มีเรื่องมาเล่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง…
1. ในปี 2019 มีการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่การยึดอำนาจโดยคสช. เด็กๆและประชาชนเฝ้ารอการเริ่มต้นใหม่ที่เหมือนจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง.พรรคอนาคตใหม่ หรือหลายคนเรียกพรรคส้ม ได้กำเนิดขึ้นพร้อมกับนโยบายเชิงก้าวหน้า เช่นการปฎิรูปทหาร และความตั้งใจสร้างความเท่าเทียมในสังคม
ผลการเลือกตั้ง “พรรคส้ม” ประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นการเปลี่ยนการเมืองไปอย่างสิ้นเชิง นั่นทำให้เกิดปัญหา “บัตรเขย่ง” มีการพยายามเลื่อนวิธีการนับสส. และมีวิธีการอีกมากมายเพื่อลดสิทธิของพรรคส้มและพรรคเพื่อไทย
ประชาชนยกประโยชน์ให้จำเลย ยกให้เป็นความชอบธรรมเนื่องจากกฎเกณฑ์นี้ก็ใช้กับทุกๆฝ่าย ประชาชนปล่อยผ่าน แม้ว่าพรรคเพื่อไทย ที่มีสส.มากที่สุดกลายเป็นฝ่ายค้านไป แน่นอนว่าหลายฝ่ายก็คิดว่าไม่มีทางหนีพ้น ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ จากการช่วยของ สว. 250 เสียง.หนึ่งในพรรคที่หมดความชอบธรรม คือพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยบอกว่าจะไม่สนับสนุนเผด็จการ กลับคำในที่สุด ทำให้ อภิสิทธิ์ จบสิ้นอนาคตทางการเมือง กลับบ้านไปเลี้ยงแมว
2. ต้นปี 2020 หลังจากนั้นไม่นาน สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดก็มาถึง ตุลาการใช้กฎหมายลงโทษกลุ่มของ พรรคส้ม อย่างไม่หยุดยั้ง จนในที่สุดพรรคส้มถูกยุบ แน่นอนว่านี่เป็นการใช้กฎหมาย ไม่ได้มีอำนาจที่ไหนมาบังคับ
ความไม่พอใจของประชาชนเริ่มมีมากขึ้น แต่เกิดโควิดเสียก่อน ม็อบจึงยังไม่ลงถนน แต่เมื่อเวลาผ่านไป การบริหารงานที่ย่ำแย่ของรัฐบาลในทุกด้าน ทำให้ประชาชนทนไม่ไหว ถูกจุดระเบิดด้วย ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความไม่ยุติธรรม
โควิด VIP ที่ระยอง, วันเฉลิมถูกอุ้ม, ผู้ลี้ภัยถูกอุ้ม, คุณทิวากรถูกจับเข้าโรงพยาบาล, ปัญหาในองค์กรทหาร ปัญหาเหล่านี้เกี่ยวข้องกับระบบเครือขายอำนาจทั้งนั้น ประชาชนเริ่มตาสว่าง เกิดกลุ่มตลาดหลวงในเฟสบุคที่จุดกระแสเรื่องการพูดถึงปัญหาสถาบันฯ
กลุ่มเยาวชนปลดแอกเป็นผู้นำแรกที่นำประชาชนลงถนนในเดือน กรกฎา และตามมาด้วยการปราศรัยของทนายอานนท์ที่เปลี่ยนประเทศไปตลอดกาล ตามมาติดๆด้วยการปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชูข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ที่จะแก้ปัญหาการเมืองทั้งหมดของประเทศ.จุดพีคมาอยู่ที่การสรุปเป็นข้อเรียกร้องสามข้อ 1.ให้นายกฯลาออกทันที 2. แก้รัฐธรรมนูญ 3. ปฎิรูปสถาบันกษัตริย์
3. หลังจากการเดินขบวนเรียกร้องที่เกิดขึ้นเกือบทุกวัน การปัดร่างของ iLaw ลงในวันนั้น ได้เกิดการสลายการชุมนุมที่รุนแรงขึ้นหลายครั้ง
นายกฯ ประกาศผ่านทางทีวีว่า จะหันหน้ามาคุยกับเยาวชนและประชาชน รวมถึงทุกๆฝ่าย และเชื่อว่าการคุยกันนั้นสามารถเกิดขึ้นได้นายกฯ กล่าวถึงกลุ่มเสื้อเหลืองว่าควรเคารพในความเห็นต่างทางสังคมของผู้ชุมนุม และจะใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกับทุกฝ่าย
นายกฯ ได้เปิดห้องในรัฐสภา เพื่อพูดคุยกับแกนนำผู้ประท้วง โดยเชิญกลุ่มคนเสื้อเหลืองเข้ามาพูดคุยด้วย โดยจัดให้เป็นความสำคัญอันดับแรก เพื่อลดวิกฤตการเมืองลง เมื่อได้ทางออก นายกฯจะลาออกจากตำแหน่ง และเปิดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยเฉพาะการยุบ สว.250 คน และปัญหาสถาบันฯ
4. ปี 2022 ข้อสรุปในการพูดคุย จบด้วยดี ตามด้วยการเปิดให้แก้ไขเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จัดให้มีการเลือกตั้ง สสร. อีกครั้ง
ข้อเรียกร้องข้อที่ 3 นั้นยังไม่ได้มีการตอบรับใดๆ แต่การแก้รัฐธรรมนูญโดยประชาชน ทำให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ มีการเสนอยกเลิกมาตรา 112 ทำให้มาตรานี้ถูกยกเลิกไปด้วยเสียงของ สส.ในสภาฯที่มากกว่ากึ่งหนึ่งไปเล็กน้อย
5. ประชาชนเริ่มประกาศถึงการกลับมาเคารพในสถาบันฯมากขึ้น คุณทิวากร ทำเสื้อยืดใหม่ เป็น “เรายังมีศรัทธาต่อสถาบันฯ”
ผู้ลี้ภัยการเมือง สามารถกลับประเทศไทยโดยไม่มีความผิด อาจารย์ปวิน, อาจารย์สมศักดิ์ กลับมาสอนหนังสือในประเทศไทย ทักษิณและยิ่งลักษณ์เดินทางกลับมาในประเทศไทย ลงเล่นการเมืองอีกครั้ง พร้อมๆกับกลุ่มพรรคส้มที่กลับเข้ามาพัฒนาประเทศร่วมกับคนไทยที่เก่งอีกมากมาย
องค์กรทหารประกาศยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และปรับปรุงองค์กรครั้งใหญ่ เช่นเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ทหาร ทำให้ประชาชนสมัครเข้าทหารล้นหลาม และภูมิใจที่ได้รับใช้ชาติ
นานาชาติต่างชื่นชม และกลับมาให้การยอมรับประเทศไทยมากขึ้น ธุรกิจเติบโตจากความเชื่อมั่นในระบบของการเมือง หุ้นไทยเติบโตมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การเติบโตเอาชนะเวียดนามได้ครั้งแรกในรอบหลายปี
สลิ่มตาสว่างจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เริ่มเข้าใจว่าทำไมถึงมีคนออกมาเรียกร้อง จากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่มาถึงตัวพวกเขา คุณภาพชีวิตพวกเขาดีขึ้น จากสวัสดิการที่มากขึ้น
เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ ในโลกคู่ขนาน