ต่างจากพม่าที่ยังยากจน GDP ต่อหัวปี 2019 มีเพียง 1,407.81 USD ต่ำที่สุดในประเทศอาเซียน ต่ำกว่าลาว ต่ำกว่ากัมพูชาด้วยซ้ำไป ในขณะที่ไทยอยู่ที่ 7,806.74 USD มากกว่าเกือบ 6 เท่า ลองนึกเล่นๆ กับเงินเดือนชนชั้นกลาง 20,000 บาท ในไทย ถ้าคุณไปอยู่ในพม่า เงินเดือนคุณเหลือแค่ 8,000 บาท (อ้างอิงจาก Numbeo.com) และสิ่งที่น่าตกใจคือค่าใช้จ่ายประจำวันที่สูงพอๆกับไทย (คุณคงไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมชาวพม่าถึงพยายามสุดชีวิตที่จะได้มาทำงานในประเทศไทย)
ดังนั้นจุดเปลี่ยนในพม่ามันคล้ายกับการปฎิวัติในฝรั่งเศสที่คนลุกขึ้นมาต่อสู้เป็นสงครามกลางเมือง เพื่อปากท้องของตัวเขาเอง ถ้าเขาไม่สู้ นายทุนและทหารพม่าก็ยังคงสูบทรัพยากรให้พวกตัวเองต่อไป การกระจายความเจริญ การพัฒนาคุณภาพชีวิตไม่เกิดขึ้น ถ้าเขาไม่สู้เขาอดตายจริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่อุดมการณ์ประชาธิปไตยเท่านั้น แต่เป็นความเป็นความตาย ความชอบธรรมของประชาชนพม่าจึงมีเต็มที่ นานาประเทศต่างประนามเผด็จการอย่างมีความชอบธรรม หนึ่งในเหตุผลนี้คงเพราะผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจเช่นกัน
ส่วนการต่อสู้ในประเทศไทย มีปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้เลยทันที นั่นคือประชาชนส่วนใหญ่ยังเชื่อในเรื่อง “สมมติเทพ” การเชื่อมโยงความเป็นเทพของสถาบันกษัตริย์เข้ากับศาสนา กับความเชื่อต่างๆที่ยึดโยงกัน เช่น เชื่อว่าสถาบันฯเป็นตำแหน่งที่ปกป้องชาตะกรรมของบ้านเมือง การมีพิธีกรรมที่ยึดโยงกับการเกษตร ความเป็นผู้สนับสนุนศาสนาพุทธ ปัญหามันอยู่ที่คนเหล่านั้นยังมีอยู่มาก ยิ่งพวกเขาได้เห็นความโกรธของคนหนุ่มสาว พวกเขายิ่งไม่เข้าใจ กลับมองว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสม กลับมองว่าสร้างความวุ่นวายให้กับพวกเขาที่ชีวิตไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังมีเงินแจกจากรัฐบาลมาเรื่อยๆ (แม้จะไม่ได้เพียงพอนัก)
แน่นอนว่าคนที่ยากลำบาก ไม่มีจะกินก็มีเช่นกัน รวมไปถึงคนบางกลอย และประชาชนกลุ่มน้อยที่ไม่มีปากเสียง พวกเขาไม่มีเวลามาเข้าใจเรื่องการเมืองด้วยซ้ำไป การกดขี่จากเผด็จการจึงยิ่งทำไปได้อีกเรื่อยๆ
ขอบคุณคนชั้นกลางที่ยังออกมาต่อสู้อยู่แม้ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนประเทศได้ในวันนี้ แต่การต่อสู้ในรูปแบบของการให้ความรู้กับสลิ่มยังต้องมีต่อไป ขอเชิญชวนให้คนชั้นกลางที่ยังมีอันจะกินทุกท่านมาร่วมต่อสู้กันเถอะครับ การเสียสละของวีรชนและแกนนำจะไม่เสียเปล่าถ้า ชนชั้นกลางที่เป็นกลาง ออกมาช่วยกันสนับสนุนการเคลื่อนไหวกันมากขึ้น
ภาพนี้เป็นภาพคืนวันที่ 19 กันยายน 2020 ที่พี่น้องนอนเฝ้าแกนนำเพื่อป้องกันการสลายการชุมนุม ที่สำคัญคือเราจะไม่ทิ้งแกนนำเด็ดขาด สู้กันต่อไปทางความคิด ช่วยกันพูดเรื่องการเมืองกันให้มากขึ้น แนะนำช่องทางเสพสื่อที่ดีๆ ช่วยให้สลิ่มตาสว่าง และให้ความรู้เยาวชนไปด้วย ยังไงก็ชนะ
เวลาอยู่ข้างเรา lll