“เราเกิดมาเพื่ออะไร”
“เรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร”
.
เป็นคำถามระดับอภิปรัชญาที่เราทุกคนน่าจะเคยถามตัวเองบ้างในจุดหนึ่งของชีวิต
บางคนอาจจะตอบได้ บางคนอาจจะตอบไม่ได้ หรือ บางคนก็ไม่คิดจะตอบ
.
.
คำถามนี้ เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด และเป็นแกนหลักของมังงะเรื่อง ‘Alice in Borderland’ ซึ่งในขณะนี้ก็ได้ถูกทำเป็น Live action ฉายผ่านทาง Netflix เรียบร้อยแล้ว
.
ถ้าใครยังไม่ได้ดู ไม่ได้อ่าน จะขออธิบายโครงคร่าวๆว่า
พระเอกชื่อ อาริสึ (Arisu) เป็น neet ที่มีปมเรื่องพ่อ และถูกเปรียบเทียบกับน้องชายที่เก่งกว่าทุกอย่าง ทำให้รู้สึกทำอะไรก็ไม่ดี ทำอะไรก็ห่วยไปหมด เลยสูญเสียเป้าหมายในการใช้ชีวิต คบกับเพื่อนอีก 2 คน คารุเบะ กับ โชตะ
วันหนึ่งในระหว่างที่กำลังเที่ยวเล่นอยู่กับเพื่อน ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด (ในมังงะกับซีรี่ส์เป็นคนละเหตุการณ์) ทำให้ทั้ง 3 คน ไปโผล่โลกมนุษย์เหมือนเดิม แต่ไม่มีใครอยู่เลย เป็นโลกที่เหมือนถูกทิ้งร้าง
แล้วหลังจากนั้นภายในโลกนี้ ทุกคนที่อยู่ในโลกนี้ จะต้อง “เล่นเกม” ที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อต่ออายุ “วีซ่า” ในการอยู่ในโลกใบนี้
ถ้าวีซ่าหมดจำนวนวันเมื่อไหร่ ก็จะถูกเลเซอร์จากฟ้ายิงใส่ให้ตาย
หรือ ในระหว่างนั้นอาจจะเสียชีวิตในเกมก็ได้
.
นี่คือ เรื่องย่อแบบไม่สปอยส์
.
.
แกนกลางของเรื่องคือ ในระหว่างที่ต้องเล่นเกมเดิมพันชีวิตนั้น ในสถานการณ์ที่ชีวิตแขวนอยู่บนความเป็นและความตายตลอดเวลา ก็จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้ตัวละครต้องตระหนักและตั้งคำถามต่อประเด็นต่างๆในระดับที่ critical มากๆของชีวิต
.
ในยามที่คุณต้องเลือกระหว่างชีวิตของคุณ กับชีวิตของคนที่คุณรัก
คุณจะตระหนักได้จริงๆว่า คุณ value อะไรมากกว่ากัน ระหว่างชีวิตตัวเอง กับความสัมพันธ์ กับคุณธรรม กับชีวิตของคนที่คุณรัก
.
หลังจากที่อ่านจนจบแล้ว ผมรู้สึกว่า มังงะมันค่อนข้างวางประเด็นดี รวมถึงการสำรวจและนำเสนอแง่มุมต่างๆของรายละเอียด
ทั้งความหลากหลายของชีวิตคน ความหลากหลายของ personality และการ react ต่อประเด็นปัญหานี้อย่างหลากหลายและลึกมากพอ
และการอ่านจนจบ และตกตะกอน มันก็ทำให้เราได้ลองจินตนาการ และครุ่นคิดตามได้เหมือนกัน
.
.
เรามาลองคุยกัน และตอบคำถามสองคำถามด้านบนกัน
1. “เราเกิดมาเพื่ออะไร”
สำหรับคำตอบ ผมเสนอแบบนี้
เราไม่เกิดมาเพื่ออะไรทั้งนั้น
เพราะตอนเราเกิด เราไม่มีเจตจำนงที่จะมาเกิด
การเกิดไม่ใช่ความตั้งใจของเรา แต่เป็นความตั้งใจของพ่อแม่
เจตจำนงของการมีชีวิต จึงไม่ใช่ของเรา แต่เป็นเจตจำนงที่พ่อแม่ใส่มาให้ ณ วันที่เราเกิด
ดังนั้นหากพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจให้ชีวิตหนึ่งเกิด
ชีวิตนั้นก็อาจจะไร้ความหมาย หรือ กลายเป็น “ภาระ” ก็ได้
อันนี้คือ ในแง่ของสังคมมนุษย์
.
แต่ถ้าในแง่ของอภิปรัชญา
ผมก็ยิ่งมองว่า เราไม่เกิดมาเพื่ออะไรทั้งนั้นมากเข้าไปอีก
เหตุผลในแง่ของ reproduction มันทั้งมีความหมายและไม่มีความหมาย
.
ถ้ามองในฐานะความเป็นธรรมชาติ ชีวิตมุ่งหมายเพื่อ reproduce gene ของตัวเอง
ชีวิตในแง่หนึ่งก็มหัศจรรย์ ในอีกแง่หนึ่งก็ธรรมดา ดาษดื่น
หลังจาก 3.7 พันล้านปี ที่เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา
หลังจากนั้นชีวิตก็หาทางเพื่อการอยู่รอดมาตลอด การอยู่รอดจึงเป็น purpose เดียวของ “ชีวิต” ที่สำคัญที่สุด
.
ในขณะเดียวกัน เราก็ถามได้ว่า เราแค่ “เกิด” มาเพื่อ “อยู่รอด” และ “สืบพันธุ์” เท่านั้นหรือ
ถ้าคุณยอมรับได้ เราก็ตอบได้ว่า ชีวิตมันก็เท่านี้แหละ
หรือ ถ้าคุณไม่ยอมรับคำตอบนี้ “ชีวิตก็ไร้ความหมาย”
.
การเกิดไม่ได้มีความหมายด้วยตัวมันเอง
มันแค่ Life just happens หรือเปล่า.
.
.
2. “เรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร”
มันแตกต่างจากคำถามแรก
คำถามแรก เป็นคำถามที่ควรถามก่อนที่เราจะเกิด หรือ ในขณะที่เราพึ่งเกิด
มันจึงไม่มีเหตุผลในฐานะที่เป็น “ตัวเรา” อยู่ในนั้น (อันนี้ในกรณีที่ assume ว่า ไม่มี ภาวะ “ก่อนเกิด”)
.
แต่คำถามที่สองนี้ มันเป็นคำถามที่เราสามารถถามตัวเอง เมื่อเรามี “ตัวตน” หรือมี “consciousness” แล้ว
.
ผมพูดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา
ว่า มนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่บริโภคความหมายเป็นพลังงานชีวิต
มันจึงทำให้เราต้องหาความหมายมา feed ให้ชีวิตยังก้าวไปข้างหน้าได้เสมอ
.
คำถามที่ว่า “เรามีชิวิตอยู่ไปเพื่ออะไร”
จึงแทบจะเป็นคำถามที่ เราควรถามตัวเองอยู่ทุกขณะจิต
แต่ไม่จำเป็นว่า เราจำเป็นต้องตอบมันได้หรือเปล่า
ถ้าเราตอบมันไม่ได้ เราก็แค่รับรู้ว่า เราตอบมันไม่ได้ในขณะนี้ หรือ เรายังไม่มีความหมายให้กับมัน
.
สำหรับผม ผมมองว่า ความหมายของชีวิต ไม่มี “คำตอบที่แท้จริง”
ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง
แต่มันเป็นคำตอบที่ “ถูกสร้างขึ้น”
สร้างขึ้นจากประสบการณ์ สร้างขึ้นจากสภาวะ ตัวตนของเราเอง
ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ subjective และเลื่อนไหลอย่างมาก
.
อะไรคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเหรอ?
ความสุข?
ครอบครัว?
ความสัมพันธ์?
เพื่อน?
คนรัก?
การงาน?
เงิน?
ความสงบ?
นิพพาน?
PS5?
ก็อาจจะขึ้นอยู่กับว่า เราเป็นใคร เราอยู่ในบริบทไหน ช่วงไหน ภาวะไหนของชีวิต
.
ถ้าคุณค่าสูงสุดของชายแก่คนหนึ่งในบั้นปลายชีวิต คือ การที่มีลูกหลาน มาห้อมล้อม ในบั้นปลาย
ถามว่า มัน justify ได้หรือไม่ว่า ความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพระหว่างมนุษย์คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์?
.
หรือ หญิงแก่คนหนึ่งที่อยู่บ้านกับแมวหนึ่งตัว ใช้ชีวิตเรื่อยๆในบั้นปลายชีวิต ทำให้เป็นชีวิตที่เหงา เปล่าเปลี่ยว งั้นหรือ? หรือมันเป็นชีวิตที่เขาพอใจแล้ว
.
หรือ ชายแก่อีกคนหนึ่งที่มีเงินรวยล้นฟ้า มีครอบครัว มีเมียที่รัก มีเมียน้อยที่รักเป็นสิบคน
ก็อยากจะลองถามเขาดูว่า อะไรคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
.
แล้วถ้าชีวิตที่คนที่กำลังอยู่ในวัยกลางคน หรือ ในวัยรุ่น หรือในวัยเด็ก
เราจะใช้คำตอบเดียว เพื่อตอบได้หรือไม่ว่า อะไรคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต และเราควรจะอยู่เพื่ออะไร
.
แล้วถ้าเรารู้ตัวเองว่า เรากำลังจะตายในอีก 1 เดือน
เราจะเลือกทำอะไร หรือ อยู่เพื่ออะไร
แล้วเราจะตอบได้ไหมว่า “ชีวิตเราอยู่ไปเพื่ออะไรกันแน่”
.
.
ถึงที่สุดแล้ว คำตอบของคำถามนี้
ควรเป็นสิ่งที่เราควรย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอๆ ในแต่ละช่วงของชีวิต
ไม่ว่าเราจะตอบได้หรือไม่ก็ตาม
และคำตอบของคำถามนี้ ก็ไม่มีถูกผิด
แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ มันช่วยให้เรา reflect ตัวตน ความต้องการ และสิ่งที่สำคัญกับเราในเวลานั้นๆของชีวิต
.
การสูญเสียความหมายที่จะมีชีวิตอยู่
มันก็ส่งผลให้ความตาย กลายเป็นสิ่งที่น่าพิศมัยมากขึ้น
หรือ เรายังคิดว่า ความตายไม่ใช่คำตอบ เราก็อาจจะต้องเดินทางเพื่อหาความหมายใหม่ต่อไป
.
.
อย่างไรก็ตาม
ในแง่ของจิตวิทยาและมานุษยวิทยา
มนุษย์เราก็มีแนวโน้มว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ สายสัมพันธ์ที่แข็งแรงและมีความหมาย
อาจจะเป็นคนรัก เป็นครอบครัว เป็นเพื่อน
ส่วนสิ่งอื่นเป็นเพียงสิ่งแวดล้อมที่นำมาสู่สายสัมพันธ์และชีวิตที่สุขสบายมากพอ
.
ไม่ว่าจะเงินทอง ฐานะ ชื่อเสียง อำนาจ
สุดท้ายสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งแผ้วทางที่นำไปสู่การอยู่อย่างสุขสบาย เติมเต็มความต้องการในชีวิต การได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง และความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่มีคุณภาพมากพอ
.
แต่เช่นเดียวกัน
สิ่งเหล่านั้นก็อาจจะเป็นความต้องการของคนอื่น
หรือ อาจจะเป็นความต้องการแค่ ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆของเราก็ได้
ความสุขที่แท้จริงของเราในบั้นปลาย อาจจะเป็นการนอนอยู่บ้าน นั่งเล่นเกมใหม่ใน PS5 เพื่อเก็บ achievement ถ้วย Platinum ก็ได้ ใครจะไปรู้
.
.
ปล. ใน Alice in Borderland
ปกติเรื่องแบบนี้ ผมมักจะไม่ค่อยชอบตอนจบของเรื่อง
แต่เรื่องนี้ ผมกลับชอบแฮะ
มันเป็นความรู้สึกว่า นี่คือ choice
มังงะได้สำรวจแง่มุมต่างๆ จนหลากหลายมากพอแล้ว และมีบทสรุปที่หลากหลายแล้ว
แต่ตอนจบเป็นบทสรุปในรูปแบบหนึ่งของชีวิตมนุษย์
ไม่บังคับ ไม่บอกว่า ถูกต้อง ผิดถูก
มันเป็นแค่ choice หนึ่งๆ