วาทกรรมหนึ่งที่น่าเบื่อที่สุด ที่เหล่า “คนกลาง” ทั้งหลายเอามาอ้างกันก็คือ
ประชาธิปไตย จะต้องไม่กดดัน ไม่เรียกร้องให้ฉันต้องออกมา call out หรือ พูดอะไร
การอ้างสิ่งนี้คือ การ protect ความ ignorance ของตัวเอง ว่า ฉันมีสิทธิ์ที่จะ ignore โดยอ้างความย้อนแย้งของประชาธิปไตย
ซึ่งก็ถูก ทุกคนมีสิทธิ์จะ ignore
แต่การการกดดันนี้ ไม่ได้ย้อนแย้งกับประชาธิปไตย
นี่คือ สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ
.
ประชาธิปไตย ไม่ใช่การบอกว่า ใครจะทำอะไรก็ได้ ไม่ข้องเกี่ยว ไม่กดดันกัน
ประชาธิปไตย คือ การโน้มน้าวกันและกัน ผ่านตรรกะ เหตุผล และการเรียกร้อง มันคือ การผลักดันไปในทางของคนหมู่มาก แต่ต้องไม่ละเลยเสียงส่วนน้อย ซึ่งหลายๆครั้งมันต้องมีการกระทบกระทั่งกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ
ถ้าเราไม่มีการกดดัน ไม่พูด ไม่กระทบกระทั่งอะไรกันเลย ก็จะไม่มีใครสนใจกัน
เสียงส่วนน้อยก็จะเป็นเสียงส่วนน้อยอยู่เสมอ และมันไม่มีใครรับฟังอะไรเขาเลย ไม่มีการหาทางออกร่วมกัน
นั่นคือ สิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอด กับระบบทหาร
.
คนที่โกรธมากอยู่ทุกวันนี้ คุณไม่เคยตั้งคำถามว่า ทำไมเขาถึงโกรธ
คุณพูดแต่ว่า มึงจะมาโกรธทำไม แบบนี้ก็ดีแล้ว ถูกแล้ว ทุกคนต้องหุบปากแล้วก็อยู่กับระบบอันดีงามนี้ให้ได้
สิ่งนี้ต่างหากที่โคตรจะไม่ประชาธิปไตย มันคือ พวกลากมากไปล้วนๆ
สั่งให้ทุกคนหุบปาก ห้ามตั้งคำถาม เชียร์อำนาจทหาร อำนาจอาวุธให้ออกมายึดอำนาจ จับคนเห็นต่าง คุกคามทั้งร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สิน
แล้วสุดท้ายก็เพื่อให้ตัวเองสบายใจว่า ระบบนี้มันดีอยู่แล้ว แต่มันจะไปคุกคามหรือไม่รับฟังใคร ฉันไม่สน
.
พอวันนี้ วันที่คนจำนวนมาก เขาไม่ทนแล้ว เขาโกรธมากๆ ที่คุณไม่เคยฟังเขา ไม่มีกลไกที่จะฟังเขา เพราะเขียนกติกาเข้าข้างตัวเอง เอาพวกตัวเองมายืนรอเข้าคิวได้อำนาจ ไม่มีความเป็นธรรม
พอเขาไม่ยอม เขาเรียกร้อง และบอกว่า กติกานี้ไม่เป็นธรรม ระบบควรถูกปฏิรูป แล้วเขาตะโกนให้พวกคุณได้ยิน
คุณกลับบอกว่า อย่ามากดดัน อย่ามาคุกคามกัน
.
ผมจะไม่สบถ แม้ว่าจะความรู้สึกมันบอกให้ทำ มากแค่ไหนก็ตาม
.
คนกลางๆหลายคน พูดว่า ฉันไม่มีข้อมูลมากพอ อย่ามากดดันให้ฉันพูดอะไร
ฉันขอเป็นคนตรงกลาง
คุณจะพูดแบบนี้ได้ก็ต่อเมื่อกติกามันกลางก่อน แล้วมันถึงจะมีตรงกลางให้คุณยืน
ลองนึกถึงเกมกีฬา กรรมการย่อมเป็นกลาง ตัดสินทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียม แบบนั้นคือ ตรงกลาง
แต่คุณลองคิดว่า ทุกคนรอบสนาม กรรมการคนอื่น ตัดสินเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งหมด แล้วถ้าคุณเป็นหนึ่งในกรรมการ คุณจะบอกว่า ฉันยังอยู่ตรงกลาง ไม่ตัดสินเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เหรอ?
ไม่ได้ คุณต้องพูดว่า กติกานี้ เกมนี้ มันไม่ยุติธรรม
เพราะถ้าคุณยังอยู่ตรงกลาง ไม่ทำอะไร ไม่สนใจ
กติกามันก็จะเอียงอยู่อย่างนั้น และมันหมายความว่า คุณเข้าข้างฝ่ายที่มีอำนาจสูงกว่าในกติกา
.
เพราะฉะนั้น มันจะกลางจริง ก็ต่อเมื่อ มันไม่มีอะไรอยู่สูงกว่ากติกา
ไม่มีอำนาจใดที่ทำให้กติกามันต้องไปรับใช้ รวมถึงอำนาจสถาบัน
.
ณ วันนี้ คนที่ถูกทำร้ายจากกติกา
เรียกร้องว่า ช่วยพูดหน่อย
ถ้าคุณไม่อยากทำ ก็บอกไปเลย ฉันไม่ทำ
ไม่ต้องมาพูดว่า คนเขาคุกคาม
เพราะมันไม่ใช่การคุกคาม ถ้าคุณไม่พูด ไม่ take action
ไม่มีใครทำอะไรคุณได้ เขาแค่ผิดหวังและเลิกสนับสนุนคุณ และนั่นคือ สิทธิ์ของเขาเช่นเดียวกัน
ถ้าคุณไม่เอาด้วย ไม่มีใครมาคุกคามทำร้ายอะไรคุณได้ คุณยังได้รับ protection จากกฎหมายและอำนาจรัฐเช่นเดิม
.
แต่กลับกัน
คนที่เขาเรียกร้องสิ่งเหล่านี้
เขาต้องถูกกฎหมาย ตามจับ ตามคุกคามอยู่ตลอดเวลา
แกนนำ และประชาชนถูกจับ ถูกอุ้ม ถูกคุกคามจริงไปเท่าไหร่ เข้าคุกไปกี่คนแล้ว
รวมถึง คนที่ไม่รักสถาบัน เขา “ไม่รัก” ได้เหรอ?
สังคมนี้ไม่ให้พื้นที่กับการ “ไม่รัก” เพราะมันถูกบังคับให้รักมาตลอด
เมื่อไม่รัก คนจะต้องถูกทำร้าย มีคนอย่างเหรียญทองที่คอยไล่ล่า สร้างความกลัว และใช้อำนาจกฎหมายทำร้ายคน
มีคนที่คอยจะคุกคาม สาดน้ำ ทำร้ายร่างกายคนที่แสดงออกไปในทางตรงข้าม แม้แต่การไม่ยืนในโรงหนัง
สิ่งเหล่านี้ต่างหาก คือ การคุกคาม
ไม่ใช่การเรียกร้องให้คุณออกมาพูด
.
เลิก play victim
ทั้งๆที่ตัวเองเป็นฝ่ายทำร้ายคนอื่นมาตลอด
สิ่งแรกเลย คือ ต้องดูภาพรวมให้เห็นก่อนว่า มันเกิดอะไรบ้าง ใครโดนอะไรบ้าง โดนกันไปมากแค่ไหน
แล้วจะเห็นเลยว่า การทำร้ายประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย มันมีมากกว่า และรุนแรงกว่าอย่างมาก เทียบไม่ได้เลยกับการที่แค่คุณถูกกดดันให้ออกมาพูด
อ้างเหลือเกินว่า ฝ่าย ปชต พูดจาทำร้ายน้ำจิตน้ำใจ กดดันคนเห็นต่าง
แต่ไม่เคยเห็นเลยว่า กลุ่มคนที่อ้างเจ้า สร้างวาทกรรมอะไรบ้าง
ทั้งไล่คนออกจากประเทศ ไม่รักพ่อก็ออกจากบ้านพ่อ ไล่ทำร้ายคนอื่น เอากฎหมายไล่ฟาดคนอื่นมากมาย
ถ้าคุณกลางจริง ไม่เข้าข้างฝ่ายไหนจริง คุณต้องออกมาพูดแล้ว ไม่ต้องรอให้มีคนมากดดันหรอก
แต่คุณไม่ได้กลางไง คุณเลือกอยู่ฝ่ายอำนาจตั้งแต่แรกแล้ว
แต่แค่แกล้งทำเป็นบอกว่า ฉันกลาง
.
ที่จริง ไม่อยากเขียนโพสท์นี้เลย
เพราะนี่เป็นเรื่องที่เบสิค พื้นฐานสุดๆ
และมันน่าเบื่อมาก ที่ต้องอธิบายเรื่องพวกนี้ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
.
เหนื่อยใจ