ขุนศึก ศักดินา และ พญาอินทรี
การเมืองไทยภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา 2491 – 2500
เขียนโดย ณัฐพล ใจจริง
ภายใต้ยุคสมัยแห่งการเรียกร้องประชาธิปไตย มีเยาวชนหันมาอ่านประวัติศาสตร์ไทยที่ห้องเรียนไม่ได้สอน แทนที่จะอ่านวรรณกรรมเยาวชน ในม็อบเยาวชนปลดแอก ม็อบประชาชนปลดแอก หรือแม้แต่ม็อบนักเรียนเลว หนังสือของอาจารย์ธงชัยถูกนักเรียนติดสอยเป็นคู่มือสำหรับการทำความเข้าใจประเทศที่พวกเขาต้องอยู่อาศัยไปอีกนาน
หนังสือเล่มนี้จึงพิมพ์ออกมาได้จังหวะที่ดีมาก เพราะผู้คนโหยหาความรู้ที่แท้จริง ซึ่งตอบโจทย์มากที่หนังสือนี้มีการอ้างอิงที่หนักแน่นอย่างมาก โดยการอ้างอิงนั้นเกือบจะครึ่งเล่ม และมีการอธิบายตัวละครอย่างละเอียด เหมาะสำหรับการอ้างอิงเช่นกัน

ในหน้าเฟสบุคช่วงที่หนังสือเล่มนี้ออกมาจึงเต็มไปด้วยหน้าปกพญาอินทรีย์ที่เด่นหราสีทองตัวนี้เต็มไปหมด โดยเล่มปกแข็งขายหมดอย่างรวดเร็วจนพิมพ์ไม่ทัน ในเพจเฟสบุคอย่าง คิดเป็นงานอดิเรก ก็มีการเล่นแจกหนังสือเล่มนี้ ยุคนี้จึงเป็นยุคทองของหนังสือประวัติศาสตร์และคิดว่ายังคงต้องอ่านต่อไป ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ Siam Mapped ของอาจารย์ธงชัยที่พูดถึงกันมากในปัจจุบัน แม้ว่าจะไม่มีการพิมพ์ใหม่แล้วก็ตาม
มีหลายอย่างในหนังสือที่ผมแปลกใจ หนึ่งในนั้นคือชื่อของ เผ่า ที่ในบทเรียนทั่วไปจะให้เป็นผู้ร้ายที่เป็นเผด็จการอย่างมาก แต่ในหนังสือเล่มนี้ บทบาทของเผ่าเป็นคนที่หัวก้าวหน้ามากในระดับที่น่าแปลกใจ มุมมองทางการเมืองของเผ่าน่าสนใจ
อีกอย่างคือมุมมองต่อ จอมพล ป. ที่ในบทเรียนทั่วไปจะกล่าวถึงความเป็นเผด็จการอย่างมากเช่นกัน กล่าวถึงการเลือกตั้งที่ทุจริตอย่างมาก ซึ่งข้อมูลในหนังสือเล่มนี้มีการหักล้างในเรื่องเลือกตั้ง โดยข้อมูลมาจากเอกสารลับจากอเมริกาที่กล่าวถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ จอมพล ป. โดนกล่าวหา
แต่สิ่งที่ไม่น่าแปลกใจเลยคือ พรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ฝั่งศักดินามาตั้งแต่แรก และทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะชนะทางการเมืองโดยไม่สนใจประชาชนเลยแม้แต่น้อย ดังนี้ในปัจจุบันจึงเรียกกันว่าพรรคแมลงสาบ
เมื่ออ่านจบแล้วผมมองว่าพระเอกในสมัยนั้นคือ จอมพล ป. อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเขาต้องคานอำนาจของขุนศึก และศักดินา โดยมีพญาอินทรีย์อย่างอเมริกาเข้ามาแทรกแซงตลอดเวลา คนอย่างจอมพล ป. นั้นมีอุดมการณ์ที่ชัดว่าอยากทำให้ประเทศไทยเจริญจริงๆ จากข้อมูลทั้งหมดในหนังสือ แม้แต่การเปิดให้ไฮด์ปาร์คในสนามหลวง เพื่อสร้างประชาธิปไตย แต่ก็ไม่วาย ขั้วศักดินาก็ใช้เวทีนี้มาทำลายเขาคืน
จอมพล ป. มีความน่าชื่นชมในช่วง 10 ปีนี้ ทั้งความพยายามที่จะรอดพ้นในยามสงครามโลกครั้งที่ 2 และการพยายามดึง ปรีดี กลับมาอีกครั้ง เป็นความพยายามที่ยากอีกนอกจากการดุลอำนาจการเมือง ผมอยากรู้จริงๆว่าในแต่ละวัน จอมพล ป. ทำอะไรบ้าง แล้วเอาเวลาไหนมาคิด ตัดสินใจสิ่งต่างๆที่สำคัญมากเหลือเกิน ที่จริงน่าทำหนังสือประวัติของจอมพล ป.มากที่สุดพอๆกับ ปรีดี พนมยงค์
อย่างไรก็ตามความน่าเสียดายของหนังสือเล่มนี้ คือแม้จะอ่านสนุกมากจนวางไม่ลง แต่มีช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ที่สั้นอย่างมาก และการเขียนซ้ำในหลายๆครั้ง ทำให้มีผมอ่านไปอย่างรวดเร็วมาก รู้สึกว่าเป็นเหตุการณ์ที่สั้นจนอยากอ่านให้จบอีก ซึ่งคาดหวังว่าจะออกหนังสือในปีหนังจากนี้มาอีก คือช่วงก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ และ 6 ตุลาฯ ผมหวังว่าคุณณัฐพลจะเขียนเรื่องที่ to be continued ต่อไป เพราะข้อมูลแน่นมากจริงๆจนยากที่จะปฎิเสธ
ถ้ามีฝ่ายขวาชาวไทยคนไหนบอกว่าอำนาจสถาบันกษัตริย์นั้นอยู่ภายใต้การเมือง ก็จงเอาหนังสือเล่มนี้ให้เขา และถ้าบอกว่าอย่าให้อเมริกามายุ่งก้าวก่ายในบ้านเรา จงเอาหนังสือเล่มนี้ให้เขา เพราะจุดเริ่มต้นของความรู้สึกยึดเหนี่ยวอย่างมากกับสถาบันกษัตริย์ยังคงอยู่จากการที่อเมริกาเข้ามาสร้างให้มีสถาบันหลักของประเทศเพื่อยึดเหนี่ยวไม่ให้มีทางเลือกอื่น เช่นระบบสังคมนิยม
ไว้ในเล่มหน้า เรามาชำระประวัติศาสตร์ร่วมกันอีก เราจะเชิญชวนให้สนับสนุนงานเขียนของนักชำระประวัติศาสตร์ทุกท่าน ขอบคุณท่าน และเราจะสนับสนุนท่านต่อไป พวกท่านเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่เช่นกัน ซึ่งงานเขียนด้านประวัติศาสตร์ไทยแบบนี้มีคุณค่าอย่างมาก ต่อการก้าวต่อไปของสังคมไทยในปัจจุบัน เพราะก่อนที่เราจะก้าวไปไหน เราต้องเข้าใจตัวเราก่อนว่ามาจากไหน เมื่อเราเข้าใจตัวเองแล้วเราจึงแก้ไขปัญหาที่อาจจะมาจากรากเหง้าจุดนั้นได้ สุดท้ายเราจะก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน จากเพียงแค่หนังสือเล่มเล็กๆเล่มนึงนี้ และอีกหลายๆเล่มต่อไป
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :